Wednesday, 29 March 2023

กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร

ฟุตบอลโลก การ์ต้า ในขณะ กาตาร์ กำลัง รับหน้าที่ ผู้จัดงานจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะเปิดฉากขึ้นวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายนนี้ ใจความสำคัญ ด้าน สิทธิมนุษยชน ใน ประเทศ ก็ กำลัง ได้รับ ความสนใจ ชาวกาตาร์ 2 คนเล่าให้สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีฟังว่ากฎหมายศาสนาที่เคร่งครัดของกาตาร์ทำให้เกิดผลกระทบต่อ ชีวิต ประจำวัน ของพวกเขายังไงใน ฐานะ บุคคล ผู้มีความมากมายทางเพศ (LGBT) แล้วก็เพศหญิง

อาซิสขยับตัวไปๆมาๆด้วยความขวยเขินในขณะพูดคุยทาง ออนไลน์ จาก กรุงโดฮา กับ ทีม ข่าวสารสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซี เขาต้องการออกมากล่าวกับสื่อ แต่ว่าก็ชัดแจ้งว่าเขาจำเป็นต้องใช้ความกล้าอย่างมาก แล้วก็มีท่าทีเคร่งขรึมตลอดการสนทนา

“ผม อยากให้ การ มี ชีวิต อย่าง ผม ไม่เป็น เรื่องผิด กฎหมาย ใน ประเทศ ของผม” อาซิส พูด ด้วย น้ำเสียง ทุ้มต่ำ “ผม อยาก ให้ มี การปฏิรูป ที่ ระบุว่า ผม สามารถ เป็น เกย์ ได้ โดย ไม่ต้อง กังวล ว่าจะ ถูกฆ่า “

อาซิส เล่าว่า ความหนักใจที่เขาจำเป็นต้องพบเจออยู่แต่ละวันมาจากการถูกจ้องอยู่ตลอดเวลา แล้วก็บางทีการเผลอพูดบางสิ่งกับคนผิดคนก็อาจส่งผลให้เกิดการถูกจับกุม หรือถูกทำร้ายโทษฐานเป็นเกย์

“ความแตกต่างระหว่างการอยู่ในกาตาร์กับนอก กาตาร์ คือ ในเมืองนอกกฎหมายจะเข้าข้างคุณ” เขาเล่า

“ถ้าใครทำร้ายคุณ คุณสามารถไปที่สถานีตำรวจ และจะได้รับการคุ้มครอง แต่ที่ประเทศนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมอาจตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นหากไปหาตำรวจ”

ใน รายงาน ที่ ออกมา เมื่อเดือนที่แล้วของหน่วยงาน เพื่อ สิทธิ มนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า กลุ่ม LGBT ในกาตาร์ตกเป็นเป้าการคุมขังตามอำเภอใจของข้าราชการฝ่ายความยั่งยืนมั่นคง และก็จำเป็นต้องพบเจอการคุกคามทั้งทางคำพูดแล้วก็ทางร่างกาย

LGBT ฟุตบอลโลก สิทธิสตรี

ฟุตบอลโลก การ์ต้า 2022  กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร์

ด้วยเหตุนั้น การเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมบอลโลกก็เลยทำให้กาตาร์ถูกสื่อตะวันตกตรวจทานอย่างใกล้ชิดถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBT

หากแม้บอลโลกจะช่วยให้เรื่องนี้ได้รับความพึงพอใจจากนานาประเทศ แต่ว่าอาซิสชี้ว่ามันยังส่งผลให้กลุ่มผู้มีความมากมายทางเพศในกาตาร์มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เขาเล่าว่า “ตอนนี้ผมเห็นคนพูดต่อต้านชาว LGBT ทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยบอกว่าพวกเราน่ารังเกียจและขัดต่อหลักศาสนา”

นอกจากนี้เขายังคิดว่า การเสวนาหัวข้อนี้ยังถูกพูดถึงในทางไม่ดีในต่างประเทศด้วย

“พวกเขาถามว่า ‘พวกเราจะปลอดภัยไหมถ้าไปกาตาร์แล้วเป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่ถูกจับ หรือดำเนินคดีตามกฎหมายกาตาร์’ แต่พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงพวกเราเลย และกฎหมายพวกนี้จะอันตรายกับพวกเราแค่ไหน”

ทางการกาตาร์เน้นว่า เปิดรับแฟนบอลทุกคนในช่วงการแข่งขันบอลโลก แม้กระนั้นพวกเขาก็จำเป็นต้องแสดงความเคารพและวัฒนธรรมของกาตาร์ด้วย

อาซิส เกรงว่าความสำเร็จของมหกรรมบอลโลกคราวนี้จะนำเสนอภาพของประเทศสุดที่รักความสนุก แล้วก็ทำให้ไม่กำเนิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในกาตาร์

ในสหราชอาณาจักร สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีได้พูดคุยกับ เซนับ (นามสมมุติ) ซึ่งแม้ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่าเธอก็วิตกกังวลว่าการเปิดเผยตัวตนสำหรับในการให้สัมภาษณ์คราวนี้จะทำให้เกิดผลกระทบต่อครอบครัวของเธอที่อยู่ในกาตาร์

 

เธอบอกว่าแนวความคิดอนุรักษนิยมทางศาสนาที่อยู่ในกฎหมายกาตาร์ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเธอ ถึงกับขนาดที่ทำให้เธอเคยพยายามฆ่าตัวตาย

เซนับอธิบายว่า ระบบที่เพศหญิงควรจะมีผู้ดูแลชายนั้น ทำให้เพศหญิงเป็นผู้เยาว์ไปทั้งชีวิต

“การจะตัดสินเรื่องสำคัญในชีวิต คุณจะต้องได้รับหนังสืออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครองชาย ซึ่งปกติมักเป็นพ่อ แต่หากพ่อเสียชีวิตไปแล้ว ก็จะเป็นลุง พี่ชายน้องชาย และปู่หรือตา”

“ถ้าคุณไม่ได้รับอนุญาตก็จะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไปศึกษาในต่างแดน เดินทาง แต่งงาน หรือหย่าร้าง”

ฟุตบอลโลก การ์ต้า

เธอเล่าว่าการมีพ่อหัวอนุรักษนิยมทำให้เธอไม่อาจจะดำรงชีวิตอย่างที่อยากได้ได้

เธอไม่ต้องการให้สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีเปิดเผยรายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่ได้เผชิญมา เพราะไม่อยากที่จะให้คนไหนกันรู้ดีว่าเธอเป็นคนไหนกัน ซึ่งจะสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเธอ

เซนับบอกว่า ระบบนี้ทำให้เพศหญิงจำเป็นต้องทนทุกข์จากการควบคุมบังคับของคนภายในครอบครัว แล้วก็กฎหมายที่เคร่งครัดของกาตาร์ก็ทำให้กลุ่มผู้มีแนวความคิดอนุรักษนิยมพอใจ

“พวกเขาเชื่อว่าแนวคิดเรื่องสิทธิสตรีเป็นแนวคิดตะวันตก และขัดต่อค่านิยม วัฒนธรรม และธรรมเนียมของอิสลาม”

ข้าราชการกาตาร์ผู้ ทำงาน ในมหกรรมบอลโลกคราวนี้บอกว่า เสียง วิพากษ์วิจารณ์ ต่อกาตาร์เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกจำเป็นต้องแล้วก็เพียงพอ

 

แนวความคิดดังที่ได้กล่าวมาแล้วสะท้อนจากปากของนิสิตหญิง คนหนึ่ง ที่ ชื่อ โมเซลลา ซึ่งพูดว่า “พวกเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ องค์กร ตะวันตก มาที่นี่ เพื่อ บอกว่าพวกเราควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไรบ้าง”

“นี่คือ ประเทศ ของเรา เรา ต้อง ได้รับ โอกาส ในการ พัฒนา ตาม แนวทาง ที่เรา เห็นว่า เหมาะสม ไม่ใช่ แนวทาง ที่ ผู้อื่น สั่งมา”

แต่ เสียงคนกาตาร์ที่วิภาควิจารณ์ประเทศตัวเองนั้นถูกเซ็นเซอร์อย่างมาก แล้วก็อย่างที่พวกเรามองเห็นในบทสัมภาษณ์นี้ว่าคนที่ออกมาติชมกาตาร์ต่างหวาดกลัวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตน แม้ว่าจะเป็นการพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่พวกเขาพึงมีก็ตาม

 

รายงานเพิ่มเติมอีกโดย แฮร์รี ฟาร์ลีย์

ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC