Wednesday, 29 March 2023

รีวิวหนัง “Avatar: The Way of Water” วารีคู่กับเจมส์เป็น 3 ชั่วโมง เลอค่าที่รอมา 13 ปี

และแล้วก็มาถึงคิวของหนังที่มีแฟนๆและคอหนังคงจะตั้งตารอคอยกันอีกเรื่องหนึ่งในปีนี้ การกลับมาสานต่อการเดินทางของจักรวาลแพนดอร่าอีกครั้ง กับปรมาจารย์นักสร้างหนังชั้นครูกลับมาเอง เนรมิตสร้างออกมาเป็นภาคต่ออันแสนเลอค่า ” Avatar : The Way of Water – อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ “ งานระดับบ็อกซ์บัสเตอร์ลึกล้ำที่กลับมาอยู่ในมือของคนที่คู่ควร ด้วยเหตุนั้นนี่ก็เลยกลายเป็นที่คุ้มค่ากับการคอยมา 13 ปีจริงๆ

Avatar : The Way of Water เล่าเรื่องราวต่อจากภาคต้นฉบับ กับอีกหลายปีถัดมา เจค ซัลลี ได้ก่อร่างสร้างครอบครัวของเขาเองแบบสงบสุขบนดาวแพนดอร่า แต่ปรากฏว่าครอบครัวของซัลลี จะต้องมาประจันหน้าอีกครั้งกับปัญหาที่ย้อนกลับตามมาประชิด เมื่อพวกเขามุ่งหน้ากำจัดอุปสรรคที่จะเป็นภัยคุกคามเพื่อให้อยู่รอด และปกป้องกันและกันให้ปลอดภัยจากอันตราย ภายหลังจากโศกนาฎกรรมที่พวกเขาจะต้องก้าวผ่านมันมาด้วยกัน

เนื่องจากชื่อของ “เจมส์ คาเมรอน” จะออกผลงานมานานๆครั้ง แต่ออกมาทีไรก็จะต้องยกระดับและมาตรฐานให้กับแวดวงหนังทุกหน และแน่ๆว่าในครั้งนี้ก็ด้วยเหมือนกัน เจมส์ คาเมรอน ยังคงรู้จักแนวทางและจังหวะสำหรับในการสร้างสรรค์ผลงานได้ระดับเทพสร้าง เขารู้ดีว่าจะต้องทำอะไร และจะต้องทำแบบไหนที่ผู้ชมจะต้องการบริโภค อีกทั้งงานในทุกๆรายละเอียดที่เขาประดิษฐ์ออกมานั้น ก็ไม่สามารถที่จะจะสบประมาทอะไรใดๆก็ตามได้เลย เพราะเหตุว่าทุกๆอย่างเต็มไปด้วยความปราณีต

Avatar The Way of Water

บางทีอาจจะกล่าวได้เลยว่า Avatar : The Way of Water เป็นสุดยอดภาพยนตร์ฮอลลิวูดอีกเรื่องในรอบทศวรรษเลยอย่างยิ่งจริงๆ

เพราะเหตุว่าจำไม่ได้แล้วว่าเคยมีประสบการณ์นั่งดูหนังแล้วรู้สึกว้าวและตระการอะไรแบบนี้ นานสักเพียงใดแล้ว หนังเรื่องนี้สามารถเรียกย้อนบรรยากาศพวกนั้นกลับมาได้อย่างอิ่มเอม คือเพียงแค่ซื้อตั๋วมานั่งดูงานสร้างของหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ก็พูดได้ว่าคุ้มค่าตั๋วไปเรียบร้อยแล้ว

Avatar:The Way of Water เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษอันแพรวพราว ด้วยความสามารถของนักสร้างสรรค์ที่ถนัด และชำนาญกับงานด้านนี้โดยยิ่งไปกว่านั้น ทำให้ช่วงเวลา 3 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้ไม่ใช่อุปสรรคเลย เป็นหนังอีกเรื่องที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากลุกไปไหน อาการปวดฉี่ไม่เกินระหว่างทาง อาจเนื่องจากกลัวจะพลาดช็อตเด็ดๆ และงดงาม ของหนังเรื่องนี้ ที่อัดแน่นเต็มหน้าจอ ทั้ง 190 นาทีของหนังก็ว่าได้

แน่ๆว่าเทคนิคงานสร้าง ของหนังเรื่องนี้ คงต้องให้คะแนน 100 เต็ม 10 อย่างเลี่ยงมิได้ ทุกองค์ประกอบงานสร้าง ของหนังเรื่องนี้ คือความดีงามที่มาอุดรอยรั่วต่างๆของหนังได้อย่างสมูบรณ์แบบ สิ่งที่คุณเห็นในตัวอย่างหนังนั้น เป็นเพียงแต่เสี้ยวเล็กๆเพียงแค่นั้น เพราะเหตุว่าเนื้อในนั้นจะพาผู้ชมออกไปสำรวจอีกมุมของดาวแพนดอร่า อีกทั้งน่าละลานตา และตื่นใจไปพร้อมเพียงกัน จะต้องลุกขึ้นยืนตบมือ ให้กับทีมดีไซน์เทคนิคพิเศษให้กับหนังเรื่องนี้ เพราะเหตุว่า นี่คือหนังที่ทำให้พวกเราน้ำตาปริ่มได้ กระทั่งฟองออกอากาศในน้ำลอยผ่านหน้าไปบนหน้าจอ

แต่เดี๋ยวจะหาว่า อวยหนังAvatar:The Way of Water เหลือเกิน เพราะเหตุว่าจริงๆหนังก็ยังมีช่องโหว่ และรอยรั่ว ผสมปนเปอยู่บ้าง ด้วยเหมือนกัน โดยยิ่งไปกว่านั้น เค้าเรื่อง และบทหนังที่ค่อนข้างจะเพลย์เซฟไปสักนิดสักหน่อย มาด้วยพล็อตหนังแบบง่ายๆธรรมดาๆ ที่ผู้ชมคงจะคาดเดาได้อย่างง่ายดาย แต่เส้นเรื่องของหนัง ก็แข็งแรง และหนักแน่นดี ตลอดทั้งเรื่อง และเมื่อมาได้ความอลังการของงานสร้างนี่แหละ ที่มาช่วยอุดปะรอยรั่วที่ตรงนี้ให้เรียบเนียน และมาผ่านไปได้อย่างอรรถรสอย่างยิ่งจริงๆ

โดยจะว่าไปแล้วAvatar: The Way of Water คงจะถูกปรับสัดส่วน ให้เปลี่ยนมาเป็นหนังที่มีส่วนผสมของความเป็นหนังครอบครัว และหนังวัยรุ่น สไตล์ coming of age เพิ่มขึ้นเรื่อยๆหน่อยๆ เพราะเหตุว่าด้วยตัวละครที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังเป็นการดำเนินเรื่องด้วยการผจญภัยในดินแดนใหม่ๆ ที่น่าละลานตา ทำให้ผู้ชมได้มีโอกาสสัมผัสได้แล้วว่า ดาวแพนดอร่าดวงนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่ และนี่ก็คือ เป็นเพียงส่วนเดียว ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนดาวดวงนี้เพียงแค่นั้น

ทางด้านการแสดง ก็จะต้องกล่าวว่าวางใจได้ หากว่าพวกเราจะไม่ค่อยได้คลุกคลีกับคาแรกเตอร์ที่เป็นมนุษย์จำนวนมากสักเท่าไหร่ ในเรื่องนี้ แต่พวกเขา ทุกตัวละคร ก็คือดาราปกติที่มาสวมบทบาทนั่นแหละ พวกเขาถ่ายทอดออกมาได้ดี จนกระทั่งบางทีก็หลงลืมไป ถึงว่าเป็นอวตารตัวจริง “แซม เวิร์ธธิงตัน”, “โซอี ซัลดานา” หรือ “สตีเฟน แลงก์” นับว่าทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างแจ่มแจ้งดีอีกครั้ง

ในเวลาที่ ทีมดาราสมทบ ที่พึ่งจะเข้ามาเสริมในภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็น “เคต วินสเลต” หรือ “คลิฟฟ์ เคอร์ติส” นับว่าเป็นการส่งเสริมองค์ประกอบการแสดงที่ค่อนข้างน่าประทับใจ และที่ไม่พูดถึงมิได้ ก็คือเหล่าดาราเจนใหม่ “เจมี่ แฟลตเตอร์ส”, “บริเตียน ดอลตัน”, “แจ็ค แชมป์เปียน” หรือ “เบลีย์ บาส” ถือเป็นส่วนเสริมที่มาช่วยเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับหนังภาคนี้ ให้สมบูรณ์เพิ่มขึ้นได้ดีด้วย

อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

ยิ่งกว่านั้น มั่นใจว่าผู้ชมคงจะสัมผัสได้ถึงสารข้อความ อะไรบางอย่างที่ เจมส์ คาเมรอน พยายามสื่อสารออกมาในหนังเรื่องนี้

Avatar:The Way of Water ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิตตามมาวิถีดั้งเดิมของชนเผ่า หรือจะเป็นสะท้อนปัญหา การรุกรานระบบนิเวศ ของเผ่าพันธุ์สัตว์น้ำ ที่หนังนี้ได้หยิบใส่ประเด็นกลุ่มนี้ลงไปเป็นข้อความที่ค่อนข้างชัดเจน และอย่างน้อยๆ ก็ยังคงแสดงให้เห็นอีกเหมือนปกติว่า มนุษย์ ในสายตาจากสิ่งมีชีวิตอื่น ก็ถูกมองไม่ต่างไปจากผู้รุกราน และผู้ทำลายดีๆนี่เอง

ด้วยเหตุนั้นบางทีอาจจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าAvatar:The Way of Water เป็นอีกหนึ่งหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบปีนี้ เยี่ยมที่สุดแทบทุกๆด้านของหนังที่ร้อยเรียงออกมา เป็นการกลับมาที่คุ้มค่ากับการรอคอย อีกทั้งยังเป็นกำไรให้กับผู้ชมเป็นอย่างดี ที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ดูหนังที่อิ่มเอมใจไปตลอดทั้ง 3 ชั่วโมงเต็ม เมื่อดูหนังเรื่องนี้จบ ก็คงจะเต็มไปด้วยความประทับใจ พร้อมทั้งฉุกคิดขึ้นได้ว่า น้ำ กับ เจมส์ คาเมรอน ช่างเป็นส่วนผสมที่พอดีที่จะมาอยู่คู่กันอีกจริงๆ

และที่สำคัญมากๆ หนังเรื่องนี้ควรค่าแก่การดูบนจอยักษ์ไอแม็กซ์เป็นที่สุด!

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Avatar:The Way of Water

ประเภท : แอคชั่น / ผจญภัย / แฟนตาซี
ผู้กำกับ : เจมส์ คาเมรอน
นำแสดงโดย : แซม เวิร์ธธิงตัน, โซอี ซัลดานา, ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์
ความยาว : 192 นาที
ระบุฉายในไทย : 14 ธันวาคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)